เมื่อมีสมาชิกถึง"พันล้าน"
"เฟซบุ๊ก"ก็กลายเป็น"เก้าอี้"
เมื่อสัปดาห์ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ เฟซบุ๊ก
ฉลองการมีสมาชิกครบ 1,000 ล้านคน
ด้วยการปล่อยโฆษณาชิ้นแรกที่เผยแพร่ทั่วประเทศออกมา เปรียบเทียบตัวเองเหมือนเป็นเก้าอี้สีแดงตัวหนึ่ง
หลายคนงง อีกบางคนขำ แต่ส่วนใหญ่แล้วคิดเหมือนๆ กัน คือ ไม่เข้าใจว่า เฟซบุ๊ก
ต้องการสื่ออะไร
ยกเรื่องเก้าอี้เอาไว้ก่อน การมีสมาชิกมากถึง 1,000 ล้านคน
มากกว่าประชากรของประเทศไทยและอีกหลายๆ ประเทศบนโลกใบนี้ สะท้อนถึงความสำเร็จของการทำหน้าที่เป็น
"สื่อกลาง" ของตัวเองเพื่ออะไรต่อมิอะไรหลายๆ อย่าง ตั้งแต่การเปลี่ยนคนที่เคยเห็นหน้าให้กลายเป็นเพื่อน
การกลับมาเจอะเจอกันของเพื่อเก่าที่ห่างหายกันไปเนิ่นนานหลายปี
การกลายเป็นเครื่องมือในการรักษาความสัมพันธ์ฉันมิตรเอาไว้แม้จะอยู่ห่าง
ไกลกันเป็นร้อยเป็นพันกิโลเมตร เป็นแม้แต่กระทั่งการการเปลี่ยน "คนแปลกหน้า" ให้กลายเป็น "คนคุ้นเคย" หรือแม้กระทั่ง
"เพื่อน" ที่อยู่บนพื้นฐานความสนใจอย่างเดียวกัน
เฟซบุ๊กกลายเป็นพื้นที่สำหรับทำอะไรๆ ร่วมกัน ใช้เวลาร่วมกัน อาทิ ดูหนัง,
ฟังเพลง หรืออ่านบทความ ข้อเขียนชิ้นใดชิ้นหนึ่ง ซึ่งแต่เดิมเป็นกิจกรรมที่ถูกจำกัดอยู่แต่เฉพาะในครอบครัว
รูมเมต หรือ คนสนิทที่ชิดใกล้กันได้ทางกายภาพเท่านั้น
เดวิด เคิร์กแพทริก ผู้เขียน "เดอะ เฟซบุ๊ก เอฟเฟ็กต์" ตั้งข้อสังเกตเอาไว้ว่า
เฟซบุ๊ก เป็นสื่อแรกสุดในโลกออนไลน์ที่ทำให้เราเชื่อถือถึงขนาดยินยอมใช้ชื่อจริงและ
ตัวตนจริงในอินเตอร์เน็ต เปิดโอกาสให้ผู้คนทั้งหลายสามารถติดต่อซึ่งกันและกันได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีหมายเลขโทรศัพท์
ไม่ต้องมีที่อยู่สำหรับส่งจดหมาย ไม่จำเป็นต้องมีที่อยู่อีเมล์ด้วยซ้ำไป
ย้อนหลังไปเมื่อไม่ช้าไม่นาน "เฟซบุ๊ก" ถูกจำกัดอยู่ในแวดวงของเด็กและวัยรุ่น
เป็นอะไรบางอย่างที่ถูกนิยามด้วยความ "ใหม่"
และความ "เจ๋ง" แต่ตอนนี้คุณแม่ คุณปู่ คุณย่า ต่างมีบัญชีเฟซบุ๊กของตัวเองและสนุกกับมันไม่แพ้เด็กๆ
เหตุผลสำคัญอย่างหนึ่งที่ผู้ใหญ่บางคนต้องมีเฟซบุ๊กก็คือ "ต้องมี" ถ้าหากต้องการรู้ความเคลื่อนไหวว่า
"เกิดอะไรขึ้นกับลูกๆ หรือหลานๆ ของเราบ้าง
เราก็จำเป็นต้องเช็กจากเฟซบุ๊ก"
นั่นหมายความว่า มีแอพพลิเคชั่นอีกมากมายบนอินเตอร์เน็ต ทั้งก่อนหน้าและหลังจากการก่อกำเนิดของเฟซบุ๊กมาแล้ว
ที่อาจจะ "เจ๋งกว่า" หรือ "ใหม่กว่า" แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีใครมีพลังในการ
"อยู่ได้ยืนยาว" ได้นานเท่าที่เฟซบุ๊กมี เพราะเหตุที่ว่า
"ใครต่อใครก็อยู่ในเฟซบุ๊ก" ยังไม่มีที่อื่นใดที่สามารถเชื่อมโยงคนนับล้านๆ
หรือพันล้านคนเข้าด้วยกันในสถานที่เดียวด้วยการอัพเดตสเตตัส ลิงก์ รูปภาพ หรือวิดีโอ
ได้เหมือนอย่างที่เฟซบุ๊กทำ มี "โซเชียล เน็ตเวิร์กกิ้ง" บางรายที่
"เจ๋งกว่า" และ "เข้าท่า" พอที่จะขยับขยายขึ้นมาแข่งขันกับ เฟซบุ๊กได้
อย่างเช่น "อินสตาแกรม" เป็นอาทิ แต่ในท้ายที่สุดแล้ว อินสตาแกรม
ก็ลงเอยกลายเป็นส่วนหนึ่งของเฟซบุ๊กไปด้วยราคา 1,000 ล้านดอลลาร์
นั่นหมายความว่า เฟซบุ๊ก อาจไม่ใหม่ ไม่เจ๋งเหมือนเมื่อก่อนหน้านี้ แต่คนที่ทำเฟซบุ๊กก็ยังรู้และตระหนักดีว่า
อะไรคือที่ใหม่และเจ๋ง จริงๆ เพื่อซื้อกิจการซะ ส่วนตัว เฟซบุ๊ก เอง ไม่จำเป็นต้องเจ๋งเหมือนเมื่อก่อนหน้านี้อีกต่อไป
เพราะมันได้กลายเป็น "เก้าอี้" ไปแล้ว เจ๋งหรือไม่
ไม่สำคัญ แต่ทุกคนก็ต้องการนั่งเก้าอี้ ในวันหนึ่งๆ เราอาจยืนได้อย่างอดทนเนิ่นนาน
แต่ท้ายที่สุดแล้วเราก็อยากนั่ง แล้วเราก็คิดถึง "เก้าอี้"
ตอนที่ยูสเซอร์ส่วนใหญ่เป็นคนวัย 13-34 ปี เฟซบุ๊ก
อาจยังไม่ใช่ แต่เมื่อคนอายุตั้งแต่ 13-80 หันมาใช้มัน เฟซบุ๊กก็กลายเป็น
"เก้าอี้" เป็นข้าวของธรรมดาๆ แต่เราหย่าขาดจากมันไม่ได้สักที
ที่มา : http://www.com5dow.com
เหตุผลที่ชอบ
เพราะแสดงให้ถึงความเป็นจริงเกี่ยวกับผู้คนในสมัยปัจจุบันที่เห็นว่า
โซเชียล เน็ตเวิร์ก มีความจำเป็นในการดำเนินชีวิต เช่น เป็นช่องทางในการติดต่อสื่อสาร
การติดตาม หรือการส่งข้อความบทความต่างๆที่อยากให้ผู้อื่นได้รับรู้ แล้วส่งต่อ
บทความนี้ยังแสดงให้เห็นถึงความสามารถของผู้ผลิตหรือผู้สร้างเฟซบุ๊ก
ที่มีความสามารถทางด้านการค้าขาย การมีหัวคิดสร้างสรรค์ในการสร้างช่องทางในการติดต่อสื่อสาร